เมื่อเร็วๆ นี้ นายพรศักดิ์ เจียรณัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ร่วมกับนายมนตรี ชาลีเครือ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ชัยภูมิ ระดมมันสมองขับเคลื่อนรับเป็นแม่งานใหญ่ จัดระดมทุกภาคส่วนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้ง 133 แห่ง 1,617 หมู่บ้าน ร่วมกำหนดยุทธศาสตร์จังหวัด ภายในอีกไม่เกิน 3 ปี พร้อมเข้าสู่เวที AEC เต็มตัว ชูศักยภาพภาพจังหวัดรองรับเมืองแห่งการท่องเที่ยวโดดเด่นของไทยแบบยั่งยืน ศูนย์กลางผลิตสินค้าภาคเกษตรปลอดภัยแห่งอาเซียน ณ ห้องประชุมสยามริเวอร์รีสอร์ท อ.เมือง จ.ชัยภูมิ
โดยคำนึกถึงความต้องการ การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน และการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น ซึ่งการประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการณ์ในครั้งนี้ ได้เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมประชุม รับฟังข้อมูลยุทธศาสตร์การพัฒนาแนวความคิดด้านต่างๆ เพื่อที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะได้นำมาวิเคราะห์ จัดทำเป็นยุทธศาสตร์การพัฒนาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในเขต จ.ชัยภูมิ
นายมนตรี ชาลีเครือ นายก อบจ.ชัยภูมิเปิดเผยว่า จากนี้ไปในฐานะ อบจ.ที่ถือเป็นหน่วยงานระดับท้องถิ่นขนาดใหญ่ที่สุดของจังหวัด เราอยากให้และการออกมามีส่วนร่วมจากทุกฝ่าย ที่เราพร้อมจะสนับสนุนให้ผู้บริหาร ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งในจังหวัดชัยภูมิ เร่งลงไปสร้างความเข้าใจกับคนในพื้นที่ของตนเองเพื่อจัดทำแผนทั้งหมดให้เสร็จทันภายในปีนี้ เพื่อเตรียมทำข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน และเตรียมการรองรับการพัฒนาไปให้ไกลมากขึ้นอย่างน้อยในอีก 3 ปีข้างหน้า คนในท้องถิ่นตนเองจะต้องมองเห็นอนาคตข้างหน้าว่า จ.ชัยภูมิ จะมีทิศทางเดินไปอย่างไร ในเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน การศึกษา ศิลปะวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น การสาธารณสุข สังคมคุณภาพชีวิต ปัญหา จุดดีจุดด้อย ก่อนที่จะนำมาเข้าช่วยเสริมแผนพัฒนาจังหวัดให้สอดรับการการพัฒนาสิ่งแวดล้อมและการท่องเที่ยวที่เรามีความโดดเด่นอันดับต้นๆ ของประเทศไทย และจะสามารถดึงชาวบ้านเข้ามามีส่วนร่วมสร้างเสริมรายได้กระจายให้ชุมชนมากขึ้นได้อย่างไร
ซึ่งในวันนี้รายได้จาการท่องเที่ยวทำไมยังไม่โตพอ และกระจายลงไปถึงคนในชุมชนได้มากขึ้น จากปริมาณต่อปีมีเงินไหลเข้าอย่างน้อยมากกว่า 600 ล้านบาท แต่การสนับสนุนงบประมาณลงไปเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวก็ตามมาอีกหลายร้อยล้านบาทเช่นกัน
รวมทั้งการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ ด้านการพัฒนาอาชีพการเกษตรให้ยั่งยืนปลอดภัย ที่มีรายได้ต่อปีก็ยังถือว่าน้อยมากเพียงปีละ 21,000 ล้านบาท จากมวลรวมรายได้อื่นๆ ทั้งภาษีอากร ที่มีมวลรวมทั้งจังหวัดประมาณกว่า 41,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งจากนี้ไปการที่จะนำไปสู่จุดขาย สร้างโอกาสให้กับคนชัยภูมิ ที่จะได้อาศัยจุดเด่นในการเข้าสู่เวทีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC เต็มตัวในปี 2558 ตามแผนพัฒนาจังหวัดเมืองแห่งการท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของประเทศ และเกษตรทางเลือกที่เราจะมีศูนย์ขนส่งสินค้าไปสู่อาเซียนเกิดขึ้นมารองรับ เชื่อมจากโคราชด้านการส่งเสริมสินค้าเกษตรปลอดภัยศูนย์กลางตลาดอาเซียนของภาคอีสานได้อย่างไร ที่ จ.ชัยภูมิ ถือว่ามีจุดดีอยู่มาก ทั้งเป็นจังหวัดที่มีเนื้อที่ป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ พื้นที่ทำการเกษตร รวมกว่า 12,778.3 ตารางกิโลเมตร ใหญ่เป็นอับดับ 3 ของภาคอีสาน และเป็นอันดับ 7 ของประเทศไทย ถ้าจากนี้ไปทุกคนทุกฝ่ายชาวชัยภูมิอีกกว่า 1.2 ล้านคน เร่งออกมาระดมความคิดเห็นกำหนดแผนแนวทางพัฒนาจังหวัดได้ชัดเจนในอีก3ปีข้างหน้าให้ชัดเจนและเดินไปพร้อมกันได้ ไม่ว่าประเทศใดๆ ในโลกหรือกลุ่มอาเซียน จ.ชัยภูมิ มีความพร้อมเป็นศูนย์ในหลายด้านตามมาได้ไม่ยากเกินฝัน นายมนตรี กล่าวทิ้งท้าย
